www.thailaendisch.de

ส้มตำ.....:-d

Diskutiere ส้มตำ.....:-d im Thaiboard Forum im Bereich Thailand Forum; สวัสดีค่ะเพื่อนๆ คือหน่อยอยากทราบความเป็นมาของส้มตำน่ะค่ะ ได้แต่กินอร่อยมาจนถึงทุกวันนี้แต่ไม่ทราบความเป็นมาของส้มตำเลยว่าไครเป็น...
N

Noi

Gast
[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีค่ะเพื่อนๆ

คือหน่อยอยากทราบความเป็นมาของส้มตำน่ะค่ะ ได้แต่กินอร่อยมาจนถึงทุกวันนี้แต่ไม่ทราบความเป็นมาของส้มตำเลยว่าไครเป็น คนคิดค้นขึ้นมา เพื่อนๆพอจะรู้ไหมคะ......


หน่อยค่ะ
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]หวัดดีค่ะคุณหน่อย

เจี๊ยบไม่รู้หรอกว่าความเป็นมาของส้มตําเป็นยังไง รู้แต่ว่าเกิดมาก็ได้กินส้มตําอร่อย ๆ แล้ว เป็นของมักเด้อค่ะ

อ้อ แต่เพลงส้มตํา นี่พระเทพฯ เป็นคนแต่ง เพราะและฮิตมาก

เจี๊ยบค่ะ
[/FONT]
 
M

MaGic

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีค่ะพี่หน่อย พี่เจี๊ยบ และทุกๆคนค่ะ


น้องก็ไม่ทราบค่ะว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง
รู้แต่ว่ามันทำให้น้ำยายหยายอยู่เยื่อยเยย


อาหารหลัก 5 หมู่ของน้องค่ะ แหะๆ
[/FONT] [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
[/FONT]
 
Y

yim-siam

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]เออ. นั่นสิเนาะ
พี่หน่อยนี่ช่างคิดจังพิมก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ
ได้แต่กินอย่างเดียว ไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกันค่ะ

พิม
[/FONT]
 
M

MaGic

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]อ้อ นึกดูแล้ว รู้แล้วค่ะว่ามีที่มาที่ไปยังไง

ก็มาจากมะละกอ สับๆๆ ฝานๆๆ ที่ไปก็เข้าปาก ลงกระเพาะนิ๊ แล้วถ้ามันไปต่อมันก็ลง......เลย แฮ่ๆๆ ฮี่ๆๆ


โอ้ย ตอบกวนโอ้ยหยั่งงี้ พี่หน่อยโกรธมั้ยเนี่ย
[/FONT]
 
N

Noi

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]ว้า....เสียดายนะ อยากรู้จริงๆ อืม.... พูดแล้วอยากกิน

น้องไพลิน อร่อยๆทั้งนั้นเลยเนาะ? ตำใส่นมจีน หรือเส้นหนุมาน แซบหลายค่ะลองทำแล้ว แฟนนั่งหัวเราะใหญ่เลย


พี่หน่อย
[/FONT]
 
N

Noi

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]ไงจ๊ะ?

ยังไม่มีไครรู้ความเป็นมาของส้มตำเลยเหรอ? ไครรู้แบ่งกันมั่งเด้อ ก๊อบมาก็ได้ค่ะ
ล้อเล่นอย่าโกรธกันเด้อค่ะ

หน่อย
[/FONT]
 
A

aed

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดี ค่ะทุก ๆ คน รวมทั้งพี่แอนด้วยนะค่ะ ไอ้เรื่องความเป็นมาแอ๊ตก็เป็นอีกคนนึงที่ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ขอบอกตอนมาอยู่ที่นี่แรก ๆ นะค่ะ ขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ (เหมือนยาเสพติดเลยอ่ะ) เหมือนกับว่าถ้าวันไหนชั้นขาดปลาร้าชั้นจะลงแดงเลยล่ะ
แต่หลัง ๆ มาเนี่ยอาการเริ่มดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ ก็คิดไว้ว่ากลับไปเมืองไทยจะไปเลิกที่วัดถ้ำกระบอกเหมือนกันละค่ะ
[/FONT] [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
[/FONT]
 
N

Noi

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]น้งเอ๊ดหายไปไหนนะตั้งนานแล้วค่ะ แอบกินกินส้มตำอยู่คนเดียวบ่?

พี่หน่อย
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สงสัยน้องแอ๊ดจะไปอดปลาร้าที่วัดถํ้ากระบอกแน่ ๆ เลยคุณหน่อย

น้องแอ๊ด รายงานผลด่วน ส่วนพี่ อดไม่ได้ดอก ปลาร้าของมักหลาย ๆ ส้มตําไม่ใส่ปลาร้า มันบ่แซ่บเด้อหล่า
[/FONT]
 
A

aed

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีค่ะคุณ หน่อย .....ไอ้ความเป็นมาของส้มตำเนี่ยแอ๊ตก็ไม่ทราบเหมือนกันนะค่ะว่าไปยังงัยมา ยังงัยถึงได้เป็นส้มตำ แต่ขอบอกอยากทานมากเลยล่ะค่ะ คิดถึงส้มตำทุกวันเลยอ่ะ
[/FONT]
 
N

Noi

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]บ่เป็นยั๋งดอกจ๊ะน้องเอ๊ด ....
วันนี้ลูกสาวบอกอยากกินส้มตำไทยแครอทกับขนมจีน คุณแม่ชอบอยู่แล้วเลยบ่มีปัญหา ตอนนีทำขนมจีนเอาไว้แล้ว ออกไปเดินกับหมา กลับมาแล้วจะตำส้มตำให้ลูกๆกินดูหนังรอบดึกกันค่ะ

พี่หน่อย

เคยกินส้มตำแครอทไหม? ลองตำดูนะอร่อยดีเหมือนกัน
[/FONT]
 
J

Jang

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีคะพี่หน่อย แจงเพื่งเป็นสมาชิกได้ไม่นานคะ ส่วนแอ๊ตเองแจงก็ไม่รู้ว่ารุ่นไหน

ตําแครอท แจงเพิ่งตํากินเมื่อเช้านี้เองคะ แต่ผสมกับ โคราบี่ (แซบคือกัน)
ยังไงแอ๊ตก็ลองดูนะคะ
แจง
[/FONT] [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีค่ะคุณหน่อย น้องแจง น้องแอ๊ต

ช่วงนี้ตําส้มตําแครอทกินทุกเที่ยงเลย แซ่บอีหลี

ชักอยากจะกินตําขนมจีนแล้วซิ ไม่รู้เป็นไร ได้ไอเดียทําอะไรกินจากคุณหน่อยทุกที
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีตอนคํ่า ๆ คุณหน่อยและทุกน้อง ๆ

กินส้มตําทุกเที่ยงวัน วันนี้นั่งนึก ๆ ดู คิดว่าส้มตํานี่น่าจะมีต้นกําเนิดมาจากภาคอิสานบ้านเรานะ แล้วก็เป็นที่นิยมกินกันทั่วทุกภาคของประเทศไทย จากนั้นก็เป็นที่เลื่องลือระดับนานาชาติ พอ ๆ กับต้มยํากุ้ง ผัดไทย และอาหารชนิดอื่น ๆ

ไร้สาระไปไหมเนี่ย
[/FONT] [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]ของนอก: สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

ในฐานะ "คนอีสาน" ค้างคาใจมาตลอด ว่า ตำบักหุ่ง หรือตำหมักหุ่ง หรือ ตำส้ม ซึ่งเป็น "อาหารจานหลัก" บ้านเฮา และแพร่ไปทั่วประเทศในวันนี้ มีความเป็นมาอย่างไร ใครเป็นเจ้าตำรับ

คนคนนี้น่าจะได้รับการยกย่องให้เป็น "มหาขวัญใจคนอีสาน" ตลอดกาล

ที่ผ่านมา มีข้อสันนิษฐานต่างๆ มากมาย ซึ่งก็รับฟังเอาไว้ แต่ยังไม่ "แซ่บหลาย" สักที

อ่านหนังสือ "พรรณพืช ในประวัติศาสตร์ไทย" ของ ดร.สุรีย์ ภูมิภมร แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วน สำหรับเมนูตำบักหุ่ง

เพราะในหนังสือได้พูดถึงพืชที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารจานนี้ คือ มะละกอ และพริก เอาไว้มากพอสมควร

แม้ยังไม่รู้อยู่นั่นเองว่า ตำบักหุ่ง มันเริ่มขึ้นมาเมื่อใด

แต่ก็พอเห็นเค้า ๆ อยู่

ทั้ง "มะละกอ" และ "พริก" ถือเป็น "ของนอก" ทั้งคู่

ดร.สุรีย์ ให้ข้อมูลว่า คนที่ทำให้พริกแพร่หลายในโลกคือ ปีเตอร์ มาร์ทิล ซึ่งเป็นลูกเรือของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา นั่นเอง โดย ปีเตอร์ มาร์ทิล ได้เอาพริกจากทวีปอเมริกาซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิด ไปปลูกที่สเปน เมื่อประมาณปี พ.ศ.2096 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบที่ 3 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิของกรุงศรีอยุธยา

ต่อมาชาวสเปนและชาวโปรตุเกส ได้นำพริกเข้ามาเอเชีย โดยปลูกในอินเดียประมาณปี พ.ศ.2143 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งราชวงศ์สุโขทัย ของกรุงศรีอยุธยา

อินเดียเป็นประเทศที่ร่ำรวยในวัฒนธรรมการกินได้ผลิตอาหารรสจัด และเป็นเจ้าตำรับเครื่องแกง พริกที่มีรสเผ็ดก็คงถูกปรับเข้าไปเป็นองค์ประกอบของอาหารเหล่านั้น และได้เผยแพร่วัฒนธรรมการกินไปยังผู้คนในประเทศใกล้เคียงในเวลาต่อมา

ดร.สุรีย์ บอกว่า ในปี พ.ศ.2143 พริกจากอินเดียได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศจีนและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคงรวมถึงไทยด้วย

ถ้ายึดถือตามข้อมูลดังกล่าว ก็น่าจะสันนิษฐานว่า คนไทยรู้จัก "พริก" เมื่อประมาณ 405 ปีที่ผ่านมา

ฉะนั้น คนในสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้น ไม่น่าจะรู้จักพริก และคงไม่ได้ลิ้มรสเผ็ดของพริกแต่อย่างใด

อาหารของคนสมัยนั้นจึงน่าจะ "จืด" ไม่เผ็ดร้อนเหมือนทุกวันนี้ ?!?



ส่วนมะละกอนั้น ดร.สุรีย์ บอกว่า เข้ามาประเทศไทย หลัง "พริก" อีก

ทั้งนี้ ตามเอกสารของกระทรวงต่างประเทศโปรตุเกส ได้ระบุชัดเจนว่า มะละกอมีถิ่นกำเนิดที่เทือกเขาแอนดีส แต่บางเอกสารบอกว่ามะละกอมาจากเม็กซิโก หรือหมู่เกาะอินเดียตะวันตก บ้างก็ว่ามะละกอมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง บริเวณประเทศเม็ซิโกตอนใต้และคอสตาริกา

อีกเอกสารหนึ่งยืนยันว่าสเปนได้นำมะละกอมาจากฝั่งทะเลแคริบเบียนของ ปานามาและโคลัมเบีย เมื่อปี พ.ศ.2069 เอกสารของสเปนได้ให้รายละเอียดว่า ค็อนควีสทะดอร์ส หรือเหล่านักรบสเปนที่มีชัยเหนือเม็กซิโกและเปรู เป็นผู้นำมะละกอจากสเปนไปปลูกที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกว่า เมลอน ซาโปเต้

ในช่วงปี พ.ศ.2314 อันเป็นช่วงที่กรุงธนบุรี เป็นราชธานี ได้มีรายงานของ นายลินโซเตน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวดัตช์ว่า คนโปรตุเกสได้นำมะละกอมาปลูกที่มะละกา จากนั้นจึงนำไปปลูกที่อินเดีย

ส่วนอีกทางหนึ่งได้ขยายไปปลูกที่อินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย

สำหรับประเทศไทยนั้นคาดกันว่ามะละกอจะเข้ามาหลายทาง อาจจะเข้ามาภาคใต้ หรือเข้ามาทางอ่าวไทย

ซึ่ง ดร.สุรีย์ชี้ว่า ดูตามหลักฐานต่างๆ แล้ว น่าจะเชื่อได้ว่า มะละกอจะเข้ามาประเทศไทยในช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์

จึงน่าจะฟันธงได้ว่า คนสมัยอยุธยาขึ้นไป ไม่เคยได้ลิ้มรส "ส้มตำ" เลย !



ดร.สุรีย์ ให้ข้อมูล "พริกและมะละกอ" เอาไว้เท่านี้

ก็เลยต้องหลับตานึกเอาต่อไปว่า เมื่อมะละกอเข้ามาในประเทศไทยในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ โดยเข้ามาทางภาคใต้และทางด้านอ่าวไทย นั่นก็แสดงว่า กว่าที่มะละกอจะแพร่ไปสู่ภาคอีสาน ก็คงใช้เวลาอยู่สมควร

และแพร่ไปแล้วก็คงต้องผ่านการลองผิดลองถูก กว่าที่จะนำมาปรุงเป็นอาหาร และกลายเป็นสูตรส้มตำที่สุด

จึงเป็นไปได้หรือเปล่า ที่ส้มตำ จะเพิ่งมาเกิดจริง ๆ ในช่วงกลางสมัยรัตนโกสินทร์ นี้เอง

อย่างไรก็ตาม ดร.สุรีย์ ได้ให้ข้อมูลว่า คนอีสานอาจจะรู้จักมะละกอก่อนก็ได้โดยผ่านทางญวน ทั้งนี้ ที่เวียดนามนั้น มีอาหารที่ชื่อ GO DDU DDU BO KHO คล้ายกับส้มตำเป็นอย่างมาก คนเวียดนามกินเล่น และกินกับเส้นขนมจีน

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ใครได้รับอิทธิพลจากใคร

แต่จากข้อมูลตรงนี้ ทำให้เรารู้ขึ้นมาชัดเจนอย่างหนึ่งว่า "ตำบักหุ่ง" หรือ "ส้มตำ" ไม่ใช่อาหารดั้งเดิมของภูมิภาคนี้ และไม่ได้เก่าแก่อย่างที่นึก

คนอีสานอาจมีเมนู "ตำส้ม" ของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว

ส้ม ก็คือเปรี้ยว

ตำส้ม ก็คงหมายถึง ตำอะไรก็ได้ที่เปรี้ยว ๆ อยู่มาวันหนึ่งอาจมีคนลองฝานมะละกอดิบลงไปตำหรือคลุก ชิมดูแล้ว อาจจะเห็นว่าเข้าท่า ยิ่งเติมน้ำปลาแดก ลงไปยิ่ง "นัวมากขึ้น" สูตรก็คงติดตลาด จากนั้นก็คงแพร่หลาย แทรกเข้าไปเป็นหนึ่งในเมนูอาหารจานหลักของคนอีสาน ในที่สุด

"ของนอก" ก็กลมกลืนกลายเป็นของถิ่น

ทุกวันนี้คนอีสานและตำบักหุ่ง รวมเป็นเนื้อเดียวกันจนแยกไม่ออก

แยกไม่ออก จนหลายคนไม่เชื่อเอาเสียเลย ว่า ตำบักหุ่ง ที่แซ่บกันอีหลีนี้ เป็น "ของนอก"

ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1278


ตอนนี้คุณหน่อยและสมาชิกคนอื่น ๆ คงรู้ที่มาของส้มตําแล้วเนาะ
[/FONT]
 
I

irrlicht

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีจ้า คุณผู้หญิงที่ชอบทานส้มตํา ก็ระวังในตอนนี้ก็คือสารตกค้างที่มากับ กุ้งแห้ง เพราะสาธารณะสุขได้ตรวจสอบสารตกค้างมากโดยเฉพาะที่ที่ห้างสรรพสินทั้งหลาย แฮ่ ร้านข้างทางเลยหวานหมูไป
และตรวจสอบแล้วว่าร้านข้างทางมีความสะอาดและไม่มีสารเคมีตกค้างด้วยนะคะขอบอก
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]สวัสดีสมาชิกทุกคน

เห็นพวกผู้ชายเขาคุยเรื่องปลาร้า เลยขอคุยบ้าง เอามาคุยตรงหัวข้อนี้ เพราะมันเข้าเรื่องกันพอดี ส้มตําไม่ใสปลาร้า มันจะแซ่บได้อย่างไรเนาะ ขออนุญาตเอาข้อความของน้องตุ๊กติ๊กที่เขียนไว้ใน
http://www.arloi.de มาลงให้อ่านกัน


เรื่องของ ปลาแดก

แม้ "ปลาแดก" ของชาวอีสาน จะมีความหมายว่า "ปลาร้า" ของไทยกลางและภาคอื่น แต่ในความเป็นจริงค่อนข้างต่างกันทั้งส่วนประกอบและวิธีทำ ปลาแดกของชาวอีสานจะใช้ปลาสดหรือเกือบจะเน่าก็ได้ รำข้าวสูตรอีสานแท้จะเป็นรำข้าวซ้อมมือ และเกลือจะต้มในท้องถิ่น (เกลือสินเธาว์) ไม่ใช่เกลือจากน้ำทะเล นำทั้งหมดมาหมักรวมกันแล้วใส่ไหปิดฝาให้แน่นมิดชิด แต่ถ้าเป็นปลาร้าของไทยกลางนิยมใช้ปลาคลุกกับเกลือแล้วหมักไว้ก่อน เมื่อหมักได้ที่แล้วจึงใส่ข้าวคั่วแล้วหมักต่อ เท่านี้ก็เป็นปลาร้า

บางตำราบอกว่า การผลิตปลาร้าแบบดั้งเดิมตำรับชาวอีสาน มี 2 อย่างคือ ปลาร้าข้าวคั่ว ใช้ปลาหมักเกลือที่ใส่ข้าวคั่ว ปลาจะแฉะ เนื้ออ่อนนุ่ม สีเหลืองเข้มและกลิ่นหอม นิยมใช้ปลากระดี่ ปลาสลิด ปลาหมอเทศ และปลาดุก ขนาดกลางและใหญ่ และ ปลาร้ารำ ใช้ปลาหมักเกลือใส่รำ หรือรำผสมข้าวคั่ว ปลาจะสีคล้ำแต่ปลายังเป็นตัว เนื้อไม่นิ่มมาก กลิ่นรุนแรง นิยมใช้ปลาขนาดเล็ก เช่น ปลาสร้อย ปลาซิว ปลากระดี่ เป็นชนิดที่ชาวอีสานนิยมบริโภค

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาแดก บอกว่า ปลาแดกแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ ปลาแดกหอม กลิ่นหอมสีแดงน่ากิน ทำจากปลาตัวโต เช่น ปลาช่อน ปลาดุก จะใช้เกลือมากกว่าสูตรทั่วไป คือ ปลา 4 ส่วน เกลือ 2 ส่วน ข้าวคั่วหรือรำ 1 ส่วน ปลาแดกนัว หรือ ปลาแดกต่วง กลิ่นนุ่มนวล ใช้ปลาขนาดกลางและเล็ก ส่วนผสมประกอบด้วย ปลา 4 ส่วน เกลือ 1 1/2 ส่วน รำ 1 ส่วน และ ปลาแดกโหน่ง มีกลิ่นร้ายกาจ ส่งกลิ่นฟุ้งไกล รสชาติแปลกประหลาด (เหม็น) สีออกดำคล้ำ นิยมใส่ส้มตำ ทำจากปลาขนาดเล็ก เช่น ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาขาวนา ใช้ปลา 4 ส่วน เกลือ 1 ส่วน รำ 1 ส่วน

นักวิชาการเคยวิเคราะห์เปรียบเทียบปลาร้ากับอาหารหมักดองด้วยกัน เช่น ปลาจ่อม ปลาเจ่า ปลาส้มฟัก กะปิ และน้ำปลา พบว่าปลาร้ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุด มีทั้งโปรตีน ไขมัน และเกลือแร่ โดยเฉพาะปลาร้าปลาช่อน

บางคนบอกว่า "แดก" เป็นคำหยาบ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะความหมายของชาวอีสานคือ การดันหรือยัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในอีกสิ่งหนึ่ง ฉะนั้น "ปลาแดก" ก็คือการยัดปลาลงไปในไห บางตำนานบอกว่า แดก มาจากคำว่า "แหลก" เนื่องจากการทำปลาแดก นิยมใช้ปลาเล็กปลาน้อย ถ้าเป็นปลาใหญ่จะสับให้แหลก ต่อมาเสียงเพี้ยนไปเป็น "แดก" คนไทยกลางมักจะนำคำว่า "แดก" มาใช้ในความหมายหยาบคายของคำว่า "กิน" หรือ "รับประทาน" จริงๆ แล้วคำหยาบของคนอีสานคือ "ซีแดก"
[/FONT]
 
N

noyne

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]หวัดดีค่ะพี่ เจี๊ยบ และคนข้างบนนะคะ เพิ่งรู้ปลาร้ามีหลายแบบ วันนี้หน่อยไม่มีอะไรเกี่ยวกับปลาร้าหรอกค่ะ ชอบส้มตำปูมากกว่า เลยเอารูปมาร่วมแจมค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปซื้อปูมาดอง แล้วเอามาตำกับคูระบี้ สุดยอดเลยค่ะ เอามาแบ่งๆคนแถวนี้ด้วยอิ.อิ..






ทำไมรูปมันลิงค์ไม่ได้ไม่รู้ดิ ดูที่นี่ละกัน
http://www.kruaklaibaan.com/?p=show_question_select&id=556
[/FONT]
 
J

Jiap

Gast
Re: ส้มตำ.....:-D

[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]น่ากินมาก เห็นแล้วนํ้าลายหก ส้มตําใส่ปูเราก็ชอบกินเด้อค่ะ
วันที่18 ที่จะถึงนี้ มีเพื่อนชวนไปเมืองที่หน่อยแน่ไปซื้อปูเหมือนกันจ้ะ แต่ไม่ว่างไป เสียดายมาก คนไทยที่ดอร์ทมุนด์เขาก็นิยมไปกันนะ เขาไปซื้อปลามาทําปลาร้า ปลาส้ม
[/FONT]
 
Thema:

ส้มตำ.....:-d

Oben